ธนาคาร Barclays และบริษัท Wave ออกข่าวว่า “Barclays and Wave complete world first blockchain trade finance transaction” ในบทความนี้ผมจะอธิบายว่าเค้าทำอะไร และมันมีความสำคัญยังไงครับ

chronology
Barclays’s Trading up: applying blockchain to trade finance

กระบวนการ Trade Finance ในปัจจุบัน

การค้าระหว่างประเทศปัจจุบันมีขนาดมากกว่า 16 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยทั่วไปในการส่งสินค้าและชำระเงินระหว่างประเทศมีเอกสารสำคัญมากอยู่ 2 อย่างคือ Letter of Credit (LC) และ Bill of Lading (BL) โดยขั้นตอนนั้นสรุปให้ง่ายได้ตามนี้

1. หลังจาก Buyer และ Seller ตกลงจำนวนสินค้าและราคากันได้แล้ว Buyer จะติดต่อธนาคารของตัวเองเพื่อให้ออก LC และส่งให้ Seller เพื่อเป็นการันตีว่ามีเงินจ่ายแน่เมื่อส่งสินค้าให้

ใน LC จะระบุเงื่อนไขต่างๆ ที่ Seller ต้องทำให้ครบ เพื่อที่จะเบิกเงินได้

1

2. Seller ส่งสินค้าขึ้นเรือของ Shipper หลังจากตรวจสอบรายละเอียดแล้ว Shipper จะออกเอกสาร BL เป็นหลักฐานว่าได้รับสินค้ามาแล้ว โดยใน BL จะระบุรายละเอียดของสินค้า ผู้ส่ง และผู้รับปลายทาง

2

3. Seller เอา LC ที่มีอยู่และแนบ BL ที่เป็นหลักฐานว่าได้ส่งสินค้าแล้ว ไปให้กับธนาคารของตัวเองเพื่อรับเงินค่าสินค้า

3

4. Buyer จ่ายเงินให้ธนาคารฝั่งของตัวเอง ซึ่งจะส่งเงินต่อให้ธนาคารของ Seller จากนั้นก็จะได้รับเอกสาร BL มา ซึ่งเอกสารที่เป็นกระดาษนี้ (และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายอย่าง) ต้องถูกส่งข้ามประเทศมาด้วยบริการส่งเอกสาร

มีคนประมาณไว้ว่า การส่งสินค้าทางทะเลหนึ่งครั้ง ต้องใช้เอกสารฉบับจริงเฉลี่ย 36 อย่าง และต้องถ่ายเอกสารอีกรวมแล้วประมาณ 240 ชุด  (Reuters)

4

5. Buyer เอาเอกสาร BL ไปแสดงต่อ Shipper เพื่อแสดงสิทธิ์และรับสินค้าที่ซื้อจาก Shipper

5

Bill of Lading เป็นเอกสารที่มีความสำคัญใน 3 มิติคือ

  1. เป็นใบรับสินค้า ที่ผู้รับขนส่ง (Shipper) ออกให้กับผู้ส่งสินค้า (Shipper) เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้รับสินค้าเพื่อที่จะทำการส่ง
    2. เป็นสัญญาที่ผู้รับขนส่งออกให้เพื่อแสดงว่ารับที่จะขนส่งสินค้า จากท่าเรือต้นทางไปยังท่าเรือปลายทาง
    3. เป็นเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในตัวสินค้าที่ขนส่ง (Document of Title) ดังนั้นผู้ที่ถือ BL สามารถนำไปยื่นขอรับสินค้ากับผู้รับขนส่งปลายทางได้

อ้างอิงจาก SCB Trade Net

Paper inefficiency

ในภาพอย่างย่อด้านบนนี้ เอกสาร BL ต้องผ่านมือ 5 คนที่เกี่ยวข้อง ในชีวิตจริงมีคนประมาณไว้ว่า การส่งสินค้าทางทะเลจากต้นจนจบ มีผู้เกี่ยวข้องกับเอกสารถึง 27 ราย ต้องใช้เอกสารฉบับจริงเฉลี่ย 36 อย่าง และต้องถ่ายเอกสารอีกรวมแล้วประมาณ 240 ชุด (Reuters)

โดยเฉพาะ BL ถือเป็นเอกสารสำคัญ ที่ต้องประกบไปกับตัวสินค้า และเป็นตัวจบกระบวนการตอนคนซื้อรับสินค้าด้วย แต่การจัดการเอกสารที่เป็นกระดาษในกระบวนการตลอดเส้นทางนี้มีความไม่มีประสิทธิภาพอยู่มาก นอกจากนั้นก็ยังมีช่องโหว่ให้มีการทุจริตระหว่างทางได้เยอะอีกด้วย

Electronic Bill of Lading

การค้าระหว่างประเทศที่ใช้ LC และ BL นั้นมีมาเป็นร้อยปีแล้ว และตั้งแต่อินเทอร์เน็ตเริ่มแพร่หลายก็มีความพยายามในการเปลี่ยนจากกระบวนการที่ใช้กระดาษมาเป็นกระบวนการอิเลคโทรนิกส์หลายครั้งมาก แต่ยังไม่มีโครงการไหนได้รับความนิยม และการค้าระหว่างประเทศส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็ยังอาศัยเอกสารที่เป็นกระดาษอยู่ โครงการที่ดูมีความหวังอยู่บ้างก็คือระบบ CargoDocs ของ essDOCS ซึ่งเคลมว่ามีลูกค้าแล้ว 4 พันราย ใน 73 ประเทศ ซึ่งมีการตอบรับที่ดีกว่าระบบก่อนๆ เนื่องจากใช้งานได้ผ่าน web browser ไม่ต้องมีการลงทุนใน hardware และ software มากเท่าไหร่

Wave ใช้ blockchain แก้ปัญหาอย่างไร

ประโยชน์ของการใช้ Electronic Bill of Lading ที่ชัดที่สุดก็คือความรวดเร็วนั่นเอง การที่สินค้าใช้เวลาติดอยู่ที่ท่าเรือน้อยลง ย่อมทำให้ทุกๆ ฝ่ายได้ประโยชน์

แต่ระบบอย่างเช่นของ essDOCS หรือ Bolero นั้นมีความ centralized สูงมาก เนื่องจากเอกสารวิ่งอยู่บนระบบของตัวกลางอย่าง essDOCS หรือ Bolero ทั้งหมด

การใช้เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาแก้ปัญหาอย่างที่ Wave ทำ จึงมีความน่าสนใจ เพราะการใช้ distributed ledger ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถมองเห็น แลกเปลี่ยน และส่งมอบเอกสารกันได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง โดยที่ยังได้ประโยชน์ในด้านความรวดเร็วและค่าใช้จ่ายที่ลดลงแบบเดียวกัน (ในข่าว CEO ของ Wave บอกว่าค่าจัดการเอกสารคิดเป็น 5% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการค้าระหว่างประเทศ)

ปัจจุบันนี้ Wave ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเทคโนโลยีของตัวเองมากนัก แต่เคยมีการให้สัมภาษณ์ไว้ว่าตัวระบบเองไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อทดแทนกระบวนการต่างๆ ในปัจจุบัน เพียงแต่ใช้เอกสารอิเลคโทรนิกส์ และจัดการ ownership ของเอกสารด้วยการเก็บ metadata ไว้บน blockchain (ตัวเอกสารไม่ได้อยู่บน blockchain) ผู้เล่นต่างๆ ในธุรกิจขนส่งสินค้าก็ยังคงบทบาทของตัวเองเหมือนเดิม ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะได้รับการต่อต้านมากนัก

(นี่เป็นแนวความคิดแบบเดียวกันกับ essDOCS)

แล้ว Wave ใช้ blockchain อันไหน

CEO ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เทคโนโลยีของ Wave ออกแบบไว้ให้เป็น layer ซึ่งสามารถจะทำงานอยู่บน blockchain ไหนก็ได้ การพัฒนาช่วงแรกโฟกัสไปที่ Bitcoin และ Litecoin แต่ตอนเปิดใช้งานจริงอาจจะเปลี่ยนไปใช้ private blockchain ก็ได้ถ้าหากว่าจะช่วยให้มีปัญหาด้านกฎหมายน้อยลง

The Wave pilot

ในการทดสอบที่ออกข่าวเมื่อวานนี้ ใช้ระบบของ Wave จัดการเอกสารระหว่างประเทศไอร์แลนด์และหมู่เกาะ Seychelles ส่วนตัวเงินส่งผ่านระบบ Swift ตามปกติ

ซึ่งก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรในข่าวมากนัก เพียงแต่บอกว่าทดสอบประสพความสำเร็จดี และเป็นครั้งแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain กับเรื่องนี้ แต่ถ้าจะเป็น platform ให้ใช้กันได้ทั่วไป ผมคิดว่ายังต้องทดสอบอีกเยอะครับ

ตอนนี้ Barclays ก็ออกมาชวนให้ธนาคารอื่นร่วมทดสอบระบบของ Wave อยู่ครับ (Wave เป็นบริษัทที่เข้าโครงการ Accelerator ของ Barclays)

Other players

Trade Finance เป็นหนึ่งในธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับผลดีจาก Blockchain Technology แน่ๆ ดังนั้นนอกจาก Barclays กับ Wave แล้วยังมีผู้เล่นรายอื่นๆ อีกเยอะ ทั้งที่ใช้ Blockchain ในการจัดการเอกสาร และมุมอื่นๆ เช่น instant payment คงจะมีการแข่งขันกันอีกเยอะ กว่าเราจะรู้ว่าใครจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในธุรกิจนี้

ผู้เล่นอื่นๆ ใน space นี้ได้แก่ R3, Skuchain, Cargochain, Blockfreight, Fluent

Euro Banking Association มีรายงานสรุปเรื่องนี้ออกมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ชื่อ Applying cryptotechnologies to Trade Finance ถ้าสนใจสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ครับ

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here